วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ประวัติหลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ วัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ หรือพระครูวิบูลย์ ปัญญาวัฒน์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.2454 จบ ป.4 เป็นชาวบ้านดู่ ต.ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ บุตรนายเอี้ยง กับ นางเตียบ ดิบประโคน มีพี่น้อง 4 คน หลวงปู่ผาดเป็นคนที่ 3 ขณะหลวงปู่ผาด อายุยังไม่ถึงขวบครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่ ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้บรรพชาบวชสามเณร เมื่อปี 2470 อายุ 15 ปี ที่วัดบ้านพลับ ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ บวชได้ 2 พรรษา ลาสิกขาบทไปช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
ต่อมาปี 2476 ขณะมีอายุ 22 ปี ได้อุปสมบทบวชเรียนที่วัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆ ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ  เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ ตามความเชื่อ และความนิยมของชาวพื้นบ้าน ในสมัยนั้น ได้ไปศึกษาเล่าเรียนเวทวิทยาอาคมที่จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี (ในสมัยนั้น จังหวัดอุดรมีชัย ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ) จากนั้นท่านได้จาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ แทบจะทุกภาคของไทยและประเทศใกล้เคียง เคยธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมที่นครวัต ที่ประเทศเขมร เป็นเวลา 8 ปี  จนมีความรู้เจนจบในไสยเวททุกแขนง แตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อย่างแจ่มแจ้ง ต่อมาเมื่อท่านมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับถวายที่ดินจากชาวบ้าน จากนั้นท่านก็ได้บูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า จนเป็น “วัดตาอี” ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน 
ต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด ได้มรณภาพลง ชาวอำเภอบ้านกรวด จึงได้นิมนต์ หลวงปู่ผาด มาเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ได้ปฏิเสธการเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด มาโดยตลอด แต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยมไม่ไหว จึงต้องยอมรับ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด เมื่อพ.ศ.2495 ก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จนถึงปัจจุบัน
หลวงปู่ผาด ท่านได้พัฒนา วัดสาขาของท่านถึง 4 แห่ง ก็คือ วัดตาอี,วัดบ้านปราสาท,วัดบ้านบึงเก่า และวัดบ้านกรวด เป็นรูปเป็นร่างมาจน ถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคล มาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้า หลวงปู่ว่า มีผู้เลื่อมใสศรัธา ในตัวหลวงปู่ ประสงค์อยากจะได้พระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา  เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่ท่านก็เลยอนุญาต ให้จัดสร้าง วัตถุมงคล ที่ออกมาภายใต้ชื่อ หลวงปู่ผาด
ข้อมูลโดย khaosod.co.th

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กุมารทอง ๙ โกศ หมายถึงอะไร ?

การสร้างกุมารทองตำรานี้ไม่ค่อยได้มีผู้ใดสร้างกันเพราะขาดผู้สืบทอดตำรา การปลุกเสกก็ต้องใช้พลังจิตที่สูงมากเพราะเหตุว่า การสร้างตำรานี้มิได้มีภูตผีเข้ามายุ่งเกี่ยว ผู้ที่จะทำการสร้างและปลุก ให้มีความขลังได้นั้นต้องมีพลังจิตและพลังแห่งสรรพเวทวิทยาที่สูงมาก จึงไม่ค่อยมีผู้ได้เรียนหรือสร้างกุมารทองในตำรานี้
แต่จากการสืบเสาะแสวงหาของผู้เขียนจึงได้พบอาจารย์ฆราวาส ผู้คงแก่เรียนท่านหนึ่ง ได้เรียนสืบทอดในวิชาสายนี้มาได้กรุณาติดต่อ ผู้เขียน ชี้แจงและเล่ารายละเอียดตลอดถึงกรรมวิธีในการสร้างกุมาร ทองในตำรานี้โดยละเอียด
ท่านบอกว่ากุมารทองตำรานี้เมื่อทำได้ตามตำราและเสกได้ ขลังแล้วกุมารนี้จะมีฤทธิ์มากและก็เป็นกุมารฝ่ายเทพด้วย ก็คือเทพ แห่งกุมารนั่นเอง มิได้มีภูตผีและวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง
การสร้างกุมารทองในตำรานี้ขั้นแรกต้องหาโกศใส่กระดูก สมัยโบราณให้ได้ ๙ วัด ๙ โกศ คือวัดละ ๑ โกศนั่นเอง โกศใส่ กระดูกในสมัยโบราณนั้นเขาจะทำด้วยตะกั่ว ซึ่งในปัจจุบันไม่มีให้เห็น แล้ว เมื่อได้มาแล้วก็ต้องนำมาลงอักขระเลขยันต์ตามตำราแล้วทำการ ปลุกเสกไว้คำรบหนึ่งก่อน
ในขั้นต่อมาก็ต้องมาจัดหาตะปูสังฆวานรมาวัดละ ๑ ตัว ให้ได้ ๙ วัด รวมเป็น ๙ อัน นำมาลงอักขระเลขยันต์ตามตำราแล้วจึงนำมา เสกตามตำราบังคับ
เมื่อได้ของทั้งสองสิ่งมาแล้วก็ต้องนำมาหลอมรวมกัน ขณะทำการหลอมตะกั่วโกศและตะปูสังฆวานรนั้นก็ต้องสาธยายสรรพเวท ต่างๆ ไปจนกว่าการหลอมจะแล้วเสร็จ
เมื่อได้ที่แล้วต้องนำมาเสก ด้วยคาถาตามตำราอีกคำรบหนึ่ง หลังจากนั้นจึงนำแท่งโลหะตะกั่วที่ได้ไปหล่อหลอมให้เป็นตัว กุมารทอง การหลอมนั้นต้องดูฤกษ์ยามตลอดจนขณะหลอมกุมารทอง นั้นต้องสาธยายมนตราไปตลอดจนกว่าจะแล้วเสร็จ เมื่อได้กุมารทอง ตามต้องการแล้วก็ต้องนำมาขึ้นขันธ์ ๕ และบายศรี ทำการปลุกเสก ชุมนุมธาตุ ตั้งธาตุ หนุนธาตุ ๔ และสรรพเวทตามตำราบังคับ แล้วนำ มาเก็บไว้เพื่อบรรจุผงอีกขั้นตอนหนึ่ง
ขั้นตอนสุดท้ายนี้สำคัญมาก คือการทำ ผงมหากำเนิดเทวดา ผงอาการ ๓๒ หรือ ผงปถมังโลกีย์มหากำเนิด การทำผงทั้งสองชนิดนี้ ทำได้ยากมาก ต้องใช้ความมานะอุตสาหะเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ผงมา ตามต้องการแล้วก็ต้องนำมาปลุกเสกเสียก่อนจึงนำไปรวมหรือคลุก เคล้ากับสรรพว่านยาต่างๆ ตามตำรับบังคับ
ในขั้นตอนสุดท้ายนี้จะต้องนำผงที่ได้นั้นมาอุดในองค์กุมาร ทองในขณะทำการอุดปากก็ต้องสาธยายมนตรากำกับตลอดเวลาจนกว่า จะแล้วเสร็จ
ในขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องหาฤกษ์ยามทำการปลุกเสกร่าง กุมารทองให้มีชีวิตและความขลังก็เป็นอ้นเสร็จพิธีการสร้าง ส่วนการปฏิบัติบูชานั้นก็ไม่ยุ่งยากเหมือนตำราอื่น คือไม่ต้อง จัดของบูชาหรือเครื่องเช่นเพราะเป็นเทพแห่งกุมาร กุมารทองนี้ไม่กิน เครื่องเช่นเพราะอิ่มทิพย์ที่สำคัญไมให้โทษต่อผู้เลี้ยงแต่อย่างใด
ข้อมูลโดย
http://www.itti-patihan.com
รายการกุมาร 9 โกศ

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562

คนกลัวผีต้องมีไว้ 3 เครื่องราง พกติดตัวไว้ ป้องกัน กำราบผีร้ายไล่อาถรรพ์มนต์ดำดีนัก








ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็นนั้น อาจทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะเรื่องผีๆสางๆ จึงต้องหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตา และอีกอย่างหนึ่ง คือการบูชาเครื่องรางของขลังพกติดตัว เพื่อป้องกันเหล่าภูตผีปีศาจมารังควาญ โดยเครื่องรางที่นับได้ว่าเป็นสุดยอดของการป้องกันวิญญาณร้ายมาตั้งแต่สมัยโบราณมีอยู่สามสิ่งด้วยกันคือ
เบี้ยแก้ 
เบี้ยแก้เป็นเครื่องรางที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ สร้างมาจากเบี้ยจั่นซึ่งเป็นหอยทะเลชนิดหนึ่ง ทำการบรรจุปรอทเอาไว้ภายใน แล้วปลุกเสกด้วยคาถาอาคมเพื่อให้เกิดอานุภาพป้องกันภูตผีปีศาจ แก้อาถรรพ์คุณไสยมนต์ดำ โดยเบี้ยแก้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คือ เบี้ยแก้สายวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ได้แก่ เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ, หลวงปู่เพิ่ม ,หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว และยังมี เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง กทม. ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน  เนื่องจากเป็นการสร้างตามตำราโบราณและมีความละเอียดในทุกขั้นตอน ทำให้เกิดประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะการป้องกันภูติผี และขับไล่ในสิ่งที่มองไม่เห็น
แต่สำหรับเบื้ยแก้ของหลวงปู่บุญ หลวงพ่อเพิ่ม หลวงปู่เจือ หลวงปู่รอด ในยุคต้นนั้น ถือว่าหาได้ยากและราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยังมีเบี้ยแก้ในยุคหลังๆซึ่งมีประสบการณ์และเป็นที่นิยม เช่น เบี้ยแก้ หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ จ.นครปฐม, เบี้ยแก้ พระอาจารย์สำราญ วัดสง่างาม จ.พระนครศรีอยุธยา,  เบี้ยแก้ หลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวาน จ.อ่างทอง, เบี้ยแก้หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง, เบี้ยแก้ของหลวงพ่อตี๋  วัดหูช้าง จ.นนทบุรี, เบี้ยแก้สารพัดกัน-สารพัดแก้ หลวงพ่อสาย วัดนามวิจิตร จ.ศรีสะเกษ เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นที่ยอมรับด้านประสบการณ์และมีอานุภาพแรง กันผีสางได้ดีเช่นกัน
มีดหมอ 
มีดหมอ เป็นอีกหนึ่งเครื่องรางอันเข้มขลังที่ใช้ในการกำราบภูตผีปีศาจมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยต้องลงอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกกำกับเพื่อให้มีอานุภาพ  มีดหมอที่เลื่องลือในประสบการณ์ป้องกันภูตผีปีศาจได้ดี คือ มีดหมอ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ , มีดหมอ หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์, มีดหมอหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร จ.นครสวรรค์ , มีดหมอ หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี เป็นต้น แต่สำหรับมีดหมอหลวงพ่อเดิมนั้น ถือเป็นมีดหมอที่หายากและราคาสูงมาก ส่วนมีดหมอของพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆในยุคหลังๆ ก็เข้มขลังเช่นกัน ใช้สำหรับป้องกันผี หรือ ไล่อาถรรพ์ร้ายได้ และในบางรุ่นก็เป็นมีดหมอขนาดกระทัดรัดสามารถพกพาติดตัวได้อย่างสะดวก
ท้าวเวสสุวรรณ
ท้าวเวสสุวรรณ ไม่ว่าจะเป็นขนาดบูชา ขนาดลอยองค์ ผ้ายันต์ ที่ผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงเวทย์ ล้วนมีอำนาจในการป้องกันภูตผีปีศาจโดยตรง เนื่องจากคติความเชื่อ ท้าวเวสสุวรรณ คือหนึ่งในท้าวจตุโลกบาล บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาชิกา ทำหน้าที่ดูแลปกครองยักษ์ และภูติผีปีศาจ ในสมัยโบราณมักจะนำยันต์ท้าวเวสสุวรรณมาไว้บนหัวนอน หรือติดไว้ตามประตูบ้านเพื่อป้องกันภูตผีปีศาจมารบกวน ซึ่งได้ผลอย่างยอดเยี่ยม
สำหรับท้าวเวสสุวรรณไม่ว่าจะออกโดยวัดไหน ล้วนแต่มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น แต่ที่ได้รับความนิยมบูชาเพราะเลื่องลือในประสบการณ์ป้องกันภูติผีปีศาจ ได้แก่ ท้าวเวสสุวรรณที่ออกโดยวัดสุทัศน์ฯ กทม., ท้าวเวสสุวรรณ วัดสามัคคีธรรม กทม., ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม ,ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกด จ.ศรีสะเกษ , ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี, ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ศรีสะเกษ, ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว วัดเขาแหลม จ.สระแก้ว,ท้าวเวสสุวัณ หลวงพ่อกอย วัดเขาดินใต้ จังหวัดบุรีรัมย์, ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ,ท้าวเวสสุวัณมหาปราบขับไล่ภูตผีปีศาจพิมพ์ 2 หน้า หลวงพ่อจืด เป็นต้น
เครื่องรางเหล่านี้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่มีความเชื่อเรื่องลี้ลับหรือหวาดกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น ให้เกิดความรู้สึกอุ่นใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้เช่นกัน
ข้อมูลโดย https://www.tnews.co.th

เหรียญเจ้าสัว (เหรียญหล่อซุ้มกระจัง) หรือ พระเจ้าสัว คืออะไร

พระเครื่องที่เรียกกันว่า "เหรียญเจ้าสัว" ก็คือพระเครื่องที่ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ท่านได้ปลุกเสกไว้ ชื่อจริงๆ แต่เดิมก็คือ พระซุ้มกระจัง เป็นพระหล่อแบบโบราณ ซึ่งในปีพ.ศ.2477 เป็นปีที่ หลวงปู่บุญ มีอายุครบ 84 ปี ท่านเจ้าคุณพระวินัยกิจโกศลอดีตเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ผู้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่บุญ เป็นผู้จัดการหล่อที่วัด เพื่อแจกจ่ายในงานทำบุญฉลองอายุหลวงปู่บุญครบ 7 รอบ
พระเจ้าสัวคือพระที่มีลักษณะของพระเป็นรูปพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิบนฐานกลีบบัวอยู่ในซุ้มแบบเรือน แก้ว การสร้างเป็นแบบหล่อโบราณ แต่มีการทำหูเชื่อมที่ด้านบน จึงมีลักษณะเป็นแบบเหรียญหล่อ ตัวพิมพ์ของพระเท่าที่สามารถแยกได้เป็นพิมพ์ชะลูดและพิมพ์ต้อ เนื้อโลหะของพระที่แจกในส่วนของวัดกลางบางแก้วจะมีเนื้อเงิน มีจำนวนไม่มากนัก และเนื้อทองแดงอีกส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากกว่า แต่พระทั้งหมดก็มีจำนวนไม่มากนักครับ มีบางท่านว่าเคยเห็นที่เป็นเนื้อทองคำด้วย แต่เท่าที่เห็นมักจะเป็นเนื้อเงินกับเนื้อทองแดงเป็นส่วนใหญ่
สำหรับคำว่าเจ้าสัวนั้น ได้มีการเรียกกันในภายหลัง เนื่องจากผู้ที่ได้รับแจกพระซุ้มกระจังในยุคนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิด และเป็นผู้ที่ได้ช่วยทำบุญสร้างเสนาสนะในวัดอยู่เสมอมา ต่อมาก็ได้ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรืองมีฐานะดีขึ้นมาก จนอยู่ในขั้นเจ้าสัว ยกตัวอย่างเช่น หลงจู๊หยุด นายอากรสุราบ้านอยู่ตรงข้ามวัดกลางบางแก้ว บางคนก็เรียกว่า "เจ้าสัวหยุด" เจ้าสัวชม เจ้าของโรงสีเซ่งเฮงหลี ผู้เป็นศิษย์ของหลวงปู่บุญ หลวงปู่บุญจะสร้างถาวรวัตถุอะไร เจ้าสัวชมรู้เข้าต้องเข้ามาร่วมทำบุญสร้างถวายทุกครั้ง นายโป๊ะ ชมภูนิช และนายเป้า บุญญานิตย์ ทั้งสองท่านก็เช่นกันไม่ว่าหลวงปู่จะทำอะไรก็จะเข้าร่วมทำบุญด้วยทุกครั้ง เช่น การสร้างโรงเรียนพุทธวิถีนายกเป็นต้น และทั้งสองท่านก็เป็นคหบดีระดับเจ้าสัวเช่นกัน นายช่างแจ้ง ผู้ออกแบบและสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม "หอบุญรังสฤษดิ์" สร้างเสร็จก็ไม่ขอรับเงินค่าจ้าง เพียงขอเหรียญซุ้มกระจังเท่านั้น ต่อมาภายหลังได้เป็นกำนัน มีฐานะมั่นคงระดับเจ้าสัวเช่นกัน
ตามที่ยกตัวอย่างเล่ามานั้นหลายๆ ท่านที่ได้รับเหรียญหล่อซุ้มกระจังไปแล้ว ท่านก็ตั้งหน้าทำมาหากินโดยสุจริตและมีจิตใจเป็นบุญเป็นกุศลอยู่เดิม การทำกิจการค้าขายก็เจริญก้าวหน้า ร่ำรวยฐานะมั่นคง ระดับเจ้าสัวด้วยกันทุกคน จนต่างคนก็ร่ำลือกันไปทั่ว และมีการเรียกขานเหรียญหล่อซุ้มกระจังกันว่า "เหรียญเจ้าสัว" ก็ด้วยที่ว่าใครที่มีไว้บูชาแล้วทำมาหากินโดยสุจริต จะมีฐานะดีขึ้นและมั่นคง ค่าความนิยมเช่าหาก็สูงขึ้นมากเช่นกันครับ
มีข้อสังเกตว่าใครที่มีเหรียญเจ้าสัวแต่ทำมาหากินไม่สุจริต ก็จะรักษาไว้ไม่ได้ให้มีอันเป็นไป หรือมีเหตุให้ต้องออกไป เรียกว่าหมดบุญประมาณนั้น
ข้อมูลโดย 
http://www.itti-patihan.com

พระเครื่องประจำราศีเกิด

สำหรับคนที่อยากมีของมงคลเสริมดวงบูชาเอาไว้พกติดตัว อย่างเช่น “พระเครื่อง” เอาไว้เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะตัวเองจะบูชาพระเครื่องอะไรดี เรามีคำตอบมาให้ กับเรื่องราวของพระเครื่องเสริมดวงประจำราศี
พระเครื่องประจำราศีเมษ 
ลักษณะราศีหมายถึงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและมีธาตุดินผสม จึงควรแขวนพระที่มีลักษณะตรงข้าม คือความสงบนิ่ง อันได้แก่ พระปางสมาธิ ปางนาคปรก หรือปางถวายเนตร ท่านผู้มีราศีเมษ พึงแขวนพระที่มีพระพุทธคุณทางด้านเมตตาและแคล้วคลาด ควรจะเป็นพระเนื้อผงผสมว่านหรือเนื้อดินเผา หรือดินผสมผง หรือเป็นพระเนื้อผงที่ผสมด้วยดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
พระเครื่องประจำราศีพฤษภ
ลักษณะประจำราศีพฤษภ เคลื่อนไหวไม่รวดเร็วแต่มีพลังและกล้าแข็ง จึงไม่ควรจะใจเร็วด่วนได้ ทำอะไรต้องคิดก่อนทำเสมอ ด้วยเหตุว่าเป็นคนใจร้อนเป็นทุนเดิม ควรแขวนพระประเภทมีความเย็นจะเป็นพระผง หรือพระที่ทำจากหิน พระที่ควรจะแขวนควรจะเป็นพระปางนาคปรก หรือพระห้ามสมุทร (ยกพระหัตถ์หรือมือสองข้างขึ้นเสมอพระอุระหน้าอก) สุภาพสตรีในราศีนี้ควรแขวนพระปิดตา (มือสองข้างปิดตา) ไม่ควรแขวนพระมหาอุตม์ จะถูกโฉลกอย่างยิ่ง โฉลกนี้มิใช่โชคลาภแต่เป็นความสุขความร่มเย็น
พระเครื่องประจำราศีเมถุน
ลักษณะราศีเป็นคนอ่อนไหว จึงควรแขวนพระที่ธาตุหนักได้แก่พระเนื้อโลหะเป็นพื้นและต้องเป็นโลหะที่ผ่านการหล่อหลอมจึงจะดี ไม่ควรแขวนพระเนื้อผงหรือเนื้อดิน เนื้อว่าน พระปางที่เหมาะก็คือ พระพุทธรูป หล่อเป็นพระเครื่ององค์เล็กๆ ไม่ควรใช้แบบครึ่งซีก หรือเป็นเหรียญ ยิ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญยิ่งดีใหญ่ หรือไม่ก็แขวนพระเนื้อชินที่เป็นของพระกรุ ประเภทพระร่วงยืน หรือนั่ง ถ้าหาของเก่าไม่ได้เอาที่เขาสร้างขึ้นใหม่ในแบบของพระร่วงก็ได้จะคุ้มครองป้องกันภัย และเหมาะกับโฉลกดวง
พระเครื่องประจำราศีกรกฎ
พระที่เหมาะกับคนในราศีกรกฎ คือ เหรียญที่มีรูปไข่ทุกชนิดจะเป็นเหรียญพระพุทธ หรือเหรียญพระเกจิอาจารย์ก็ได้ ที่รองลงไปก็คือเหรียญกลม อย่าได้ใช้เหรียญที่เป็นสี่เหลี่ยมหรือมีมุมเป็นเด็ดขาด ไม่เชื่อทดลองดูได้ ถ้าท่านแขวนเหรียญที่เป็นเหลี่ยมเมื่อใดท่านจะต้องพบอุปสรรคไม่มากก็น้อย สำหรับพระเครื่องนั้นควรเป็นพระเนื้อดิน หรือดินผสมผงหรือเป็นพระที่ทำจากตะกั่วหรือชิน สำหรับปางนั้นให้เป็น ปางมารวิชัย เป็นดีที่สุด
พระเครื่องประจำราศีสิงห์
เนื่องจากคนในราศีสิงห์เป็นคนใจร้อนและเย่อหยิ่งอวดดีหัวรั้น และทำอะไรรวดเร็ว จึงเหมาะที่จะแขวนพระปางสมาธิ หรือพระปิดตาหรือปิดทวาร เพราะแสดงลักษณะของการสงบนิ่ง หรือจะใช้พระนาคปรกก็จะดีเหมือนกัน เพราะไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แต่พึงอย่าแขวนพระนาคปรกที่เป็นพระปางมารวิชัย จะทำให้เกิดความขัดข้อง เนื้อพระควรเป็นเนื้อผง หรือเหรียญมากกว่าพระเนื้อโลหะ อย่างอื่น ถ้าเป็นพระกรุให้เลือกปางสมาธิ
พระเครื่องประจำราศีกันย์
พระที่เหมาะกับราศีกันย์ คือพระนางพญา หรือพระที่มีรูปสามเหลี่ยม พระนางพญาจะเป็นของใหม่หรือเก่าไม่สำคัญ หรือไม่ก็แขวนพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จที่มีสามชั้นเท่านั้น ถ้าเป็นเหรียญให้เลือกเหรียญที่เป็นรูปหยดน้ำเป็นเหมาะ
พระเครื่องประจำราศีตุลย์
ชาวราศีตุลย์มักจะชอบทำงานใหญ่เกินตัวชอบแบกรับภาระที่หนักเกินกำลัง กลับถือว่าเป็นการท้าทาย จึงมักจะล้มลุกคลุกคลาน เพราะบกภาระดังกล่าว ด้วยงานหนักนั้นบางครั้งก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ พระเครื่องที่เป็นเนื้อโลหะจะมีผลดีที่สุดในการผจญภัย และถ้าเป็นปางนาคปรก ก็จะเสริมบารมีให้ดีขึ้น
พระเครื่องประจำราศีพิจิก
คนในราศีนี้เป็นคนที่มีคนอุปถัมภ์ไม่ขาดคนเมตตา แม้ว่าจะปากเสียแต่ใจคอองอาจและซื่อตรงยิ่งนัก พระที่แขวนถูกโฉลกกับชีวิตคือ พระทางเมตตา เช่นพระเนื้อผง พระเนื้อโลหะที่ปลุกเสกด้วยพระที่มีเมตตาธิคุณแบบสายกรรมฐานทางภาคอีสาน หรือหลวงพ่อที่มีเมตตามาก ๆ เช่น พระเครื่อง หลวงพ่อแนม กตปุญโญ วัดเขาหน่อ นครสวรรค์ ไม่ควรแขวนพระทางบู๊ หรือคงกระพัน หรือทางอำนาจเพราะจิตใจร้อน โกรธง่าย สำหรับพระทางอำนาจนั้นอำนาจของตัวเองมีแล้วไม่ต้องเสริม ให้หาพระทางเมตตาไว้เป็นยอดที่สุด
พระเครื่องประจำราศีธนู
เป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดและปัญญาดีจะเอาตัวรอดได้เพราะปัญญาส่วนหนึ่งเหมือนกัน อาชีพการงานของคนในราศีนี้เหมาะกับการเป็นเซลล์หรือการประมูลทำงานต่างๆ รับราชการปานกลาง ทำงานส่วนตัวค้าขายกพอเอาตัวรอดได้ พระเครื่องที่เหมาะกับคนราศีธนู คือ พระเครื่องที่มีมุมแหลม จะเป็นแบบห้าเหลี่ยมซุ้มแหลม หรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน แปดเหลี่ยมเป็นอาทิ ยกเว้นรูปสามเหลี่ยมจะไม่เป็นผลดี จะเป็นเนื้อผง เนื้อโลหะหรือเหรียญได้ทั้งสิ้น ส่วนพระนั้นไม่จำกัดปาง
พระเครื่องประจำราศีมังกร
ผู้ที่เกิดในราศีมังกรควรแขวนพระที่มีพระนามของพระมหากษัตริย์ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง หรือไม่ก็เป็นพระที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงเสด็จเททองหรือทรงประกอบพิธีจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก ไม่ว่าจะเป็นพระปางใดเนื้อใด ด้วยคนในราศีนี้นั้นจะต้องอาศัยพระนามของพระมหากษัตริย์ที่ประดิษฐานในวัตถุมงคลเป็นศรีแก่ชีวิตและการงาน ทั้งสุภาพบุรุษและสตรีใช้แบบเดียวกันได้
พระเครื่องประจำราศีกุมภ์
เป็นคนอาภัพคนช่วยเหลือ ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง แต่ช่วยเหลือคนอื่นได้หมด มีสติปัญญาดีและรู้รอบ ให้พยายามอดทนและทนอดให้มากที่สุด จะพบกับความสำเร็จ ด้วยคนที่เกิดในราศีนี้จะพลิกฟื้นคืนตัวหรือมีฐานะดีได้ เพียงแต่พลิกฝ่ามือเดียวเมื่อเวลามาถึง พระที่ควรแขวนคือ พระที่มีส่วนผสมของความเย็น เช่น น้ำ น้ำมนต์ หรือน้ำมันหอมต่างๆ หรือเป็นพระที่ผ่านการแช่น้ำมนต์ หรือพระที่เป็นเนื้อผงที่ไม่ผ่านความร้อนต่างๆ ไม่เหมาะจะแขวนพระเครื่องที่เป็นโลหะหรือเหรียญพระที่ควรแขวนควรเป็นปางสมาธิ ปางนาคปรก หรือพระปางประทานพร
พระเครื่องประจำราศีมีน
พระเจ้าสร้างให้คนราศีมีนเป็นผู้มีสติปัญญาในการพลิกแพลงหากินดี จึงมักจะทำมาหากินด้วยอาชีพต่างๆ หมุนไปเวียนมา เป็นคนเปลี่ยนงานง่ายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า สบายใจก็อยู่นาน ไม่สบายใจก็ลาออกเสียงั้นแหละ เป็นคนไม่ยึดติดยศถาบรรดาศักดิ์ พระที่เหมาะสำหรับคนในราศีนี้คือ พระที่เป็นเนื้อโลหะหล่อหลอมด้วยไฟ หรือเหรียญที่ปลุกเสกด้วยอำนาจแห่งเตโชกษิณ พระกรุสมัยลพบุรีหรือพระที่เป็นพระออกศึกสงคราม เช่น พระพุทธชินราช ดีกว่าพระอย่างอื่น จะช่วยเสริมด้านอำนาจที่อ่อนด้อยของตัวเองและเป็นเกราะป้องกันอันตรายให้แขวนพระปางมารวิชัย เพียงปางเดียว
ข้อมูลโดย
https://www.amulet24.com

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ชูชก สุดยอดเครื่องราง เจ้าแห่งการขอ


เครื่องรางชูชกมีอานุภาพทางด้านเสริมดวงในทางด้านขอโชค ขอลาภ ขอเงินขอทอง และขอของจากผู้ใหญ่ และโดดเด่นด้านการขอทุกชนิด หรือที่เรียกว่า “เทพเจ้าแห่งการขอ” ขนาดขอของที่พระเวสสันดรรักที่สุด คือ ลูก หรือเลือดในไส้ยังขอได้ และที่สำคัญมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ
จากบันทึกทศชาติ เรื่อง มหาเวชสันดรชาดก กลายมาเป็นเครื่องรางของขลัง ที่สร้างความศรัทธาให้กับผู้คนมากมายในปัจจุบัน เนื่องจากเสียงร่ำลือของ "เฒ่าชูชก" ที่ว่ากันว่า เครื่องรางของขลัง"เฒ่าชูชก" นี้มีความยอดเยี่ยมด้านโชคลาภ และเมตตามหานิยมสูง ค้าขายร่ำรวย
"ชูชกเขามีดี อาศัยปากที่ขอและมือที่ยื่นไปรับ เขาขอร้อยอย่างเขาก็ได้ร้อยอย่าง เขาขอพันอย่างก็ได้พันอย่าง"

จากตำนาน มหาเวสสันดร จะเห็นได้ว่า ชูชก แม้จะรูปชั่วตัวดำแก่ชราน่าเกลียด แต่มีข้อดีตรงที่ ขออะไรจากใครเขาก็ได้หมด ขอร้อยอย่างได้ร้อยอย่าง ขอพันอย่างได้พันอย่าง ขอแม้กระทั่งลูกในอกเขาก็ให้ งานไม่ต้องออกแรงทำ ไม่ต้องออกความคิด อาศัยแค่เพียงปากกับมือที่ยื่นไปรับก็ได้ดังใจหวัง แถมยังได้ดีมีภรรยาสวยช่างปรนนิบัติเอาใจ เป็นที่อิจฉาแก่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ซึ่งด้วยคุณสมบัติที่ดีของ เฒ่าชูชก เหล่านี้ จึงเกิดเป็นที่มาที่ทำให้พระเกจิอาจารย์ในอดีต นำไปสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง และ เฒ่าชูชก ก็กลายเป็นวัตถุมงคลที่มีเสียงร่ำลือกันในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ สร้างความขลังให้กับผู้ที่นำไปบูชาอย่างมากมาย
ชูชกอาจไม่ใช่ตัวอัปลักษณ์ที่น่ารังเกียจถ้ามองในแง่ดี ตาเฒ่าผู้นี้ก็มีส่วนดีที่ควรเอาเยี่ยงอย่างคือ ชูชกเป็นผู้มีความประหยัดอดออม ประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักใช้รู้จักเก็บ รักและห่วงใยภรรยามากเป็นคนซื่อสัตย์และให้ความไว้วางใจเพื่อนเป็นอย่างดี
สำหรับ เฒ่าชูชก ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมากที่สุดเห็นจะเป็นของ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน จ.สมุทรสาคร ซึ่งหายาก และมีมูลค่าสูง ต่อมาก็เป็น เฒ่าชูชก ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง และยังมีอีกหลายองค์ที่สร้าง ชูชก ออกมา เช่น หลวงพ่อแล วัดพระทรง จ.เพชรบุรี หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จ.พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ
ทั้งนี้ รูปแบบของเครื่องราง เฒ่าชูชก จะมีลักษณะเกล้าผมมวยแบบพราหมณ์ มีหนวดเครา หลังค่อม ไม่สวมเสื้อ ถือไม้เท้าและสะพายย่าม  เคล็ดลับการใช้ชูชก ว่ากันว่า  หากอยากได้อะไรให้กลั้นใจ แล้วภาวนาว่า "เอา........ให้กู ชูชกขอนะ ขอนะ" แล้วสิ่งที่อยากได้จะเข้ามาหาเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ขออาจไม่ได้มาง่ายดายดังเสกสรรค์ หากแต่ต้องรู้จักตั้งใจทำมาหากิน รู้จักเอาเยี่ยงอย่างในเรื่องความประหยัด อดออม รักและห่วงใยภรรยา เป็นคนซื่อสัตย์ไว้วางใจเพื่อนในแบบด้านดีของ เฒ่าชูชก ด้วย ก็คงจะดีไม่น้อย

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ความเป็นมาของ ตำนานพ่อแก่ ที่แวดวงศิลปะนับถือบูชา

ตำนานพ่อแก่ บรมครู แห่งวงการศิลปะชั้นสูง พ่อแก่ หรือพระฤาษี ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในแวดวงศิลปะแขนงต่างๆ ล้วนนิยมเคารพนับถือบูชา เนื่องด้วยเกิดจากความเชื่อที่ว่า ในอดีต พ่อแก่หรือพระฤาษีได้เป็นผู้นำเอาศิลปะ แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องรำทำเพลง หรือแม้แต่การร่ายรำ นาฏศิลป์ต่างๆ มาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์ได้รับรู้ความงาม ความอ่อนช้อยของศิลปะ รู้จักความอ่อนโยน รู้จักรัก รู้จักเมตตา และ การให้อภัย ก่อให้เกิดความสุขแก่มวลมนุษยชาติ ดังนั้นศิลปิน หรือผู้เกี่ยวข้องในศิลปะทุกแขนง
ในประเทศไทยจึงได้เคารพบูชาพ่อแก่ หรือครูฤาษีว่าเปรียบดังบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง เมื่อได้บูชาแล้วจะก่อให้เกิดศิริมงคล มีความเจริญก้าวหน้าในด้านการงาน มีเสน่ห์ เมตตามหานิยมในตัว
ความเป็นมาของ ตำนานพ่อแก่
พ่อแก่ , พระฤาษี หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า ครูฤาษี ถือเป็นบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระฤาษีมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 108 องค์ ปางเสมอเถรถือว่าเป็นปางที่มีฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาทั้ง 108 องค์ คำว่า ฤาษี มาจากคำว่า ฤาษิ แปลว่า ผู้เห็นด้วยความรู้พิเศษอันเกิดจากฌาน ซึ่งสามารถมองเห็นอดีตปัจจุบัน และอนาคตได้ บางครั้งก็เรียกพ่อแก่หรือฤาษีว่า”ตฺริกาลชฺญ” แปลว่า ผู้รู้กาลทั้งสาม นอกจากนี้พระฤาษียังถือว่าเป็นผู้ประทานสรรพวิชาความรู้ ทั้งมวลแก่มนุษยชาติ

ตำราทางโหราศาสตร์ และตำราทางเทววิทยา กล่าวไว้สอดคล้องกันว่า พระพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวล เนื่องด้วยพระอิศวรมหาเทพ ร่ายพระเวทให้ฤาษี 19 ตน ป่นเป็นธุลี แล้วห่อด้วยผ้าสีแก้วไพฑูรย์ ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทวราช มีสีกายดั่งแก้วไพฑูรย์ มีวิมานบุษราคัม ทรงกวางทองเป็นพาหนะ รักษาเขาพระสุเมรุด้านทิศตะวันตก มีร่างกายแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีจึงมีปัญญาบริสุทธิ์ เฉลียวฉลาด พูดจาไพเราะเสนาะหู เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวลรวมถึงเป็นอาจารย์ของเหล่าเทพเทวดา จึงให้ถือว่าวันพฤหัสบดีอันแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีเป็นวันครูจึงมีการไหว้ครูกัน
พิธีการครอบครู จาก พ่อแก่ นั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับผู้ที่ทำงานด้านศิลปะ การแสดง จะเห็นได้จากดารา นักร้อง จะมีการเข้าพิธีนี้ทุกปี  เพื่อแสดงตัวเป็นลูกศิษย์และร่วมบูชาพ่อแก่ที่เคารพนับถือ ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคลกับตัวเองเป็นอย่างมาก ซึ่งครูจะคอยควบคุมรักษา คอยช่วยเหลือให้ศิษย์มีความจำในกระบวนท่ารำ จังหวะดนตรี และการแสดงหากมีสิ่งใดที่ไม่งามจะเกิดขึ้นกับศิษย์ ครูจะช่วยปัดเป่าให้พ้นจากตัวศิษย์ พิธีครอบครูนั้นนับว่าเป็นการทำให้ผู้เรียนมีกำลังใจว่าครูจะคุ้มครองรักษา ครูจะช่วยเหลือแม้จะรำผิดพลาดไปบ้าง จะทำให้ผู้เรียนไม่ตระหนก ตกใจจนเกินไป เพราะมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองได้ทำพิธีครอบครูแล้ว ครูคงให้อภัยในความผิดพลาด อีกประการหนึ่งพิธีครอบครูนั้น ผู้ศึกษานาฏศิลป์ทุกคนถือว่าเป็นพิธีสำคัญ และจำเป็นสำหรับผู้ศึกษาปฏิบัติท่ารำที่อยู่ในระดับสูง เช่น การรำเพลงหน้าพาทย์ ก่อนจะรำผู้ศึกษาต้องผ่านพิธีครอบครูก่อนจึงจะต่อท่ารำได้
หากจะจัดตั้งหิ้งบูชาพ่อแก่ จะต้องหันหน้าไปทาง ทิศเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ หรือตะวันออกเท่านั้น
เคล็ดลับในการบูชาพ่อแก่หรือพระฤๅษีเพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ข้อห้ามการบูชาพ่อแก่ การบูชาต้องใช้หัวโขนของพ่อแก่หรือพระฤๅษีที่ส่วนใหญ่นิยมใช้หัวโขนซึ่งเป็นใบหน้าของพระฤๅษีหน้าทองที่ยิ้มแล้วเห็นฟันโดยในครั้งแรกต้องทำพิธีการอัญเชิญพระฤๅษีก่อนซึ่งส่วนใหญ่การเริ่มบูชาจะนิยมทำกันในวันพฤหัสบดีซึ่งถือเป็นวันครู หลังจากนั้นก็ให้ผู้ที่จะบูชาเตรียมของไหว้ ซึ่งได้แก่ พวงมาลัย1 พวง, หมากพลู 5 คำ, บุหรี่ 5 มวน, กล้วย 1 หวี, มะพร้าวอ่อน 1 ลูก และน้ำเปล่า 1 แก้ว หลังจากนั้นก็ทำการจุดธูป 9ดอก แล้วตั้งจิตให้มั่นในการศรัทธาที่จะบูชาพระฤๅษีแล้วว่าคาถาบูชาเพื่อทำการอัญเชิญพ่อแก่แล้วอธิษฐานขอพรในสิ่งที่ตนปรารถนา
พ่อแก่บรมครูทางนาฏศิลป์ สำหรับการบูชาครั้งต่อไปก็ใช้การจุดธูป 9 ดอก โดยอาจจะมีของไหว้หรือไม่ก็ได้แล้วภาวนาคาถาบูชาพ่อแก่ พร้อมการตั้งจิตในการเคารพบูชาให้มั่นเพื่ออธิษฐานให้ประสบความสำเร็จดังใจที่ปรารถนา
คาถาบูชาพ่อแก่
ตั้งนะโม 3 จบ อุกาสะ อิมัง อัคคีพะหูบุปผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ
สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ อิมัง อัคคีพะหูบุปผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ
สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ อิมัง อัคคีพะหูบุปผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ
สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม
ปาฏิหาริย์ของการบูชาพ่อแก่
ผู้ที่ทำการสักการบูชาพ่อแก่อย่างมีศรัทธาและด้วยจิตใจที่แน่วแน่ในการประพฤติตนไปในทางที่ดีประกอบหน้าที่การงานที่สุจริตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านศิลปะแล้วจะทำให้ประสบความสำเร็จ คำอธิษฐานเป็นไปตามที่ปรารถนา ใครเห็นก็ต่างหลงรัก รักใคร่ชื่นชม 
รายการพ่อแก่
ข้อมูลโดย
https://horoscope.mthai.com/horoscope-highlight/12260.html

ประวัติความเป็นมาของยันต์โสฬสมหามงคล

ยันต์ เป็นคำโบราณหมายถึง การจาร จารึก หรือเขียนอักขระโบราณลงบนวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นเงิน แผ่นทอง แผ่นโลหะ อันเป็นมงคล หรือการสักลงบนร่างกายของมนุษย์ เพื่อแสดงกลุ่มชาติพันธุ์หรือความเป็นหนุ่มที่พร้อมจะรับผิดชอบมีครอบครัว เช่น การสักยันต์ของกลุ่มชาวลาวพุงดำ คือสักตั้งแต่พุงลงไป สำหรับประเทศไทย "ยันต์" ได้รับอิทธิพลจากการเขียนบนหน้าผากของอินเดีย ที่เรียกว่า "ติลก" (Tilok) อันเป็นเครื่องหมายบูชาเทพเจ้า โดยเฉพาะพระศิวะและพระนารายณ์ ซึ่งภายหลังเขมรรับมาทั้งพราหมณ์และพุทธมหายาน และขยายเข้าสู่สยามในเวลาต่อมา โดยบรรดาเกจิคณาจารย์ทั้งหลายก็จะได้รับการถ่ายทอดวิชาการลงอักขระเลขยันต์สืบต่อกันมา
เชื่อว่ายันต์แต่ละอย่างจะมีพุทธคุณช่วยให้เกิดความเป็นสิริมงคลในลักษณะต่างๆ กัน และเป็นตำราเฉพาะของแต่ละท่าน
ในจำนวนยันต์ทั้งหมด "ยันต์โสฬสมงคลและยันต์โสฬสมหามงคล" จัดเป็นยันต์ชั้นสูง ทำเป็นตัวเลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว (โสฬส แปลว่า 16 ชั้นฟ้า มีความหมายถึงภูมิชั้นอรูปภูมิอันเป็นถิ่นที่อยู่ของพระพรหมทั้ง 16 ชั้น และหมายถึงพระพุทธคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 16 ประการ) พระมหายันต์นี้ปรากฏหลักฐานในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงตั้ง "ศาลหลักเมือง" โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ "ยันต์มหาโสฬสมงคล" ประดิษฐานไว้ที่ส่วนยอด เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองและมหามงคล ณ เสาหลักเมือง
พระยันต์นี้แม้แต่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ผู้เจนจบใน พระยันต์ร้อยแปด ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศนเทพวราราม และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศีรษะตลอดเวลา จนกระทั่งท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2487 ลูกศิษย์จึงได้พบแผ่นยันต์มหาโสฬสมงคล วางไว้ใต้หมอนของท่าน รวมถึง หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ก็ได้อัญเชิญไปดัดแปลงจัดสร้างเป็นตะกรุดโสฬสอันลือลั่นด้วย
"ยันต์โสฬสมหามงคล" เป็นมหายันต์ที่เกิดจากการนำเอายันต์ 3 ชนิดมารวมกันไว้ โดยใช้ตัวเลขแทนด้วยความหมายมงคลต่างๆ จากภาพ ตรงกลางช่องเล็ก 9 ช่อง คือ ยันต์จตุโร ถัดมาวงกลางเป็น ยันต์สูตรตรีนิสิงเห และด้านนอกสุดเป็น ยันต์อริยสัจโสฬส ส่วนอักขระด้านนอกที่ล้อมยันต์อยู่ คือ พระคาถาบารมี 30 ทัศ พระยันต์นี้ไม่ได้บังคับการลงยันต์ด้านหลังไว้
ฉะนั้นการลงยันต์ด้านหลังตะกรุดก็แล้วแต่พระเกจิแต่ละท่านจะลง อย่างเช่น สายวัดสะพานสูงจะลง "ไตรสรณคม" แบบย่อว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิฯ หากลงเต็มจะนำเอาบทอิติปิโส 3 ห้อง มาผูกลงในตารางกระดูกยันต์ ซึ่งถือเป็นพิธีลงยันต์ใหญ่ที่ยิ่งใหญ่และลงยากมาก เป็นต้น
ส่วนยันต์โสฬสมหามงคลรอบนอก ใช้พระคาถาจตุราวุธ ประกอบด้วย ด้านซ้าย อาวุธอาฬะวะกะยักษ์ มีบ่วงเป็นอาวุธ ด้านขวา อาวุธยะมะราชา มีนัยน์ตาเป็นอาวุธ ด้านบน อาวุธพระอินทร์ มีสายฟ้าเป็นอาวุธ ด้านล่าง อาวุธท้าวเวสสุวัณ มีคทาเป็นอาวุธ
พระคาถาโสฬสมงคล หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี
โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมะตา จัตตาโรจะมหาทีปา
ปัญจะพุทธามหามุนี ตรีปิฏะกะธัมมักขันธา ฉะกามาวะจะราตะถา
ปัญจะทัสสะกะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ เตรัสสะธุตังคาจะ
ปาฎิหารัญจะทะวาทัสสะ เอกะเมรุจะ สุราอัฎฐะ ทะเวจันทังสุริยังสัคคา
สัตตะโพชฌังคาเจวะ จุททัสสะจักกะวัตติจะ เอกาทะสะวิสะณุราชา
สัพเพเทวามัง ปะลายังตุ สัพพะทาเอเตนะ มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตะ เมฯ
คาถาโสฬสมงคลบทนี้เป็นของ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ใช้ปลุกเสกสร้างพระปิดตาและตะกรุด ที่มีชื่อเสียงด้านพุทธคุณเป็นเลิศ
ข้อมูลโดย
http://www.itti-patihan.com

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ความเชื่อเครื่องรางจิ้งจกสองหาง


 แม้แต่จิ้งจกที่เกาะแปะอยู่ตามฝาผนังบ้านก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นทำเนียบเครื่องรางของขลังกับเขาเหมือนกันแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นจิ้งจกธรรมดาๆ เสียเมื่อไหร่เพราะจิ้งจกชนิดนี้เป็นจิ้งจกแปลกที่มีหางสองหาง

เครื่องรางชนิดนี้ก็คือ ซากจิ้งจกที่มีส่วนหางเป็นแฉก มีความเชื่อว่าจิ้งจกนี้จะนำลาภมาให้ คนสมัยโบราณมักจะนำซากจิ้งจกนี้ไปถักเชือกลงรักเลี่ยมกรอบใช้เป็นเครื่องรากพกพาติดตัว โดยหางที่สองอาจเกิดจากความผิดปกติของยีนในตัวจิ้งจก จึงมีกระดูกอ่อนเล็กๆอีกชิ้นหนึ่งยื่นออกมจากบริเวณปลายหางเล็กน้อยมองเห็นเป็นสองแฉก ซึ่งในร้อยตัวอาจจะพบเจอจิ้งจกพิสดารนี้สัก 2 – 3 ตัว จึงกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ไปเสียเฉยๆ ตามธรรมชาติของหางจิ้งจกนั้นเมื่อขาดไปแล้วจะสามารถงอกใหม่ได้ จิ้งจกจะสละหางเพื่ออำพรางศัตรูแล้วตัวมันก็หนีไป แต่ในทางความเชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จิ้งจกสองหางถือว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีไว้ในครอบครอง

ความเป็นมาของเรื่องราวชนิดนี้ว่ากันว่าเป็นวิชาเวทโบราณเป็นวิชาแก้วสารพัดนึก สามารถเรียกโชคลาภและเด่นไปในทางเสน่ห์กามคุณ กล่าวกันว่าเมื่อจิ้งจกพิสดารนี้ตายซากจะไม่เน่าแต่จะแห้งแข็งคล้ายหิน อย่างไรก็ดีก็ยังมีผู้ที่ทำของปลอมเลียนแบบเข้าใจว่าเป็นเพราะจิ้งจกที่มีลักษณะพิกลนี้เป็นของหายาก ทำเลียนแบบนั้นง่ายกว่ากันเยอะเอาจิ้งจกทั่วไปมารีดหางออกให้เป็นสองแฉกแล้วนำไปเลี่ยมกรอบแล้วกล่าวอ้างสรรพคุณให้ดูสมจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่จะเช่าเขาจะแยกแยะของจริงของปลอมไม่ออก


การสร้างเครื่องรางชนิดนี้ก็ไม่ได้จำกัดแค่ซากของจิ้งจกที่มีสองหางเท่านั้นยังมีทั้งการแกะงา กะลาตาเดียว และไม้กัลปังหาดำเป็นรูปจิ้งจกสองหางอุดด้วยผงยันต์จากหางของจิ้งจกตัวผู้กับตัวเมียธรรมดาอย่างละหนึ่งตัวบดกับยันต์ใบไม้ชนิดหนึ่งที่เขียนรูปจิ้งจกแล้วชุบน้ำมันอีกวิธีหนึ่งคือ สร้างมาจากเนื้อผสมบ้าง ทองแดงบริสุทธิ์บ้างและโลหะอาถรรพณ์ต่างๆ หล่อเป็นรูปจิ้งจกตัวอ้วนท้วนมีหางสองแฉกแล้วลงอักขระชุบน้ำมันเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีผ้ายันต์ แผ่นยันต์โลหะและการสักยันรูปจิ้งจกด้วยสีดำ แดง และน้ำมัน โดยการสักนั้นมีทั้งการสักเป็นตัวจิ้งจกสองหาง จิ้งจกธรรมดาแบบตัวเดียว หรือสองตัวซึ่งมีลักษณะของหางเกี่ยวรัดกัน อันเป็นความเชื่อในเรื่องกามคุณทางนี้โดยเฉพาะ นิยมสักไว้ในที่ลับหรือตามแขนขาเชื่อกันว่าเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เจรจาธุระสิ่งใดก็คล่องแคล่วไม่มีอุปสรรค

วิธีบูชาแม่นางเหมา


นางเหมาบันดาลโชค (อยู่ที่ใหนก็รวย) รุ่นปลดหนี้ร่ำรวยมหาศาล หลวงพ่อสาย
วิธีบูชาแม่นางเหมา
จัดถวายเทียน 2 เล่ม ธูป 9 ดอก ดอกไม้บูชาเป็นดอกมะลิ หรือดอกดาวเรือง วันพระให้ถวายดอกบัวสีขาว3ดอก พร้อมของหวาน น้ำแดง และเครื่องหอม
เคล็ดการบูชา ร้านค้าควรจัดหิ้งบูชาแม่นางเหมา ให้เด่น ให้คนผ่านไปผ่านมามองเห็นได้ง่าย ก่อนจะเปิดร้านให้บอกกล่าวแม่นางเหมา ให้ช่วยค้าขาย(สินค้าอะไรก็บอกแม่นางเหมา) ให้คนแห่มาทั้ง 8 ทิศ ให้มาซื้อสินค้า ให้มาเหมาสินค้า เมื่อบอกกล่าวแล้ว ให้ยืนอยู่หน้าหิ้งบูชาแม่นางเหมา สำรวมจิตให้ดี ให้กวักมือไปทิศต่างๆจนครบ 8 ทิศ พร้อมกับพูดว่า "แม่นางเหมาจ๋า เรียกคนมามากๆ ให้มาซื้อสินค้า ให้มาเหมาสินค้าของลูก นะแม่นะ" (ทิศหนึ่งพูดครั้งหนึ่ง ทำอย่างนี้ให้ครบ 8 ทิศ
ส่วนท่านใดที่ไม่มีอาชีพค้าขาย ก็สามารถบูชาแม่นางเหมา ขัดสนอันใดบอกกล่าวท่าน ท่านสามารถช่วยเราได้ คุ้มครองป้องกัน ศัตรูแพ้ภัย (ด้วยแม่นางเหมาท่านมีพระแม่ธรณีเป็นเทพคุ้มครอง) เป็นเมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ
ผ้ายันต์นางเหมาบันดาลโชค (อยู่ที่ไหนก็รวย) รุ่นปลดหนี้ร่ำรวยมหาศาล หลวงพ่อสาย
แม่นางเหมามีคุณ ดั่งแก้วสารพัดนึกลองดูแล้วจะทึ่ง ในบารมีแห่ง"แม่นางเหมา" อีกหนึ่งสุดยอดวิชาอาถรรพ์ของหลวงปู่ชื่น เป็นวิชาคู่บารมีของท่าน ที่ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือน
รายการแม่นางเหมา

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ตำนานพระลักษณ์หน้าทอง

ด้านตำนานของวิชา "พระลักษณ์หน้าทอ" นั้น มาจากเรื่องรามเกียรติ์ ในท้องเรื่องรามเกียรติ์นั้นพระรามมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน คนที่สนิทที่สุดคือพระลักษณ์ ตัวพระรามนั้นเป็นนารายณ์อวตาร ร่างมีสีเขียวส่วนพระลักษณ์นั้นเป็นองค์อนันตนาคราชกลับชาตมาเกิดเพื่อช่วย เหลือพระรามในการสังหารอสูร มีร่างกายสีทอง ทั้งนี้เนื่องจากองค์อนันตนาคราชแต่เดิมนั้นก็มีเกล็ดเป็นทองคำทั้งร่าง เมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นพระลักษณ์ก็มีการทองตามไปด้วย ลักษณะพระลักษณ์นั้นกล่าวคำบรรยายว่า หนึ่งพักตร์ สองกร มีพระพักตร์เป็นสีทองคำใส่มงกุฎยอดแหลม อยู่ในพงศ์พันธุ์แห่งองค์นารายณ์อวตาร เรียกสั้นๆ ว่า “นารายณ์พงศ์”
พระลักษณ์นั้นตามท้องเรื่องรามเกียรติ์เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญชาญชัย ซื่อสัตย์ต่อองค์พระรามด้วยชีวิต ดังจะเห็นได้ว่าครั้งหนึ่งอสูรนามว่ากุมภกัณฑ์มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ เมื่อได้ทีจะพุ่งใส่พระราม แต่พระลักษณ์ออกมารับแทนจนโดนฤทธิ์ของหอกโมกศักดิ์เจ็บเจียนตาย เกือบไม่รอด นี่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อองค์พระรามผู้พี่อย่างยากที่จะหาใครมาเปรียบได้ นอกจากนี้พระลักษณ์ยังเป็นผู้มีจิตใจเยือกเย็น คอยคิดคอยช่วยเหลือพระรามโดยตลอด
พระลักษณ์เป็นผู้ที่มีวาสนาสูส่งผู้หนึ่งของโลกในยุคนั้นเรื่องความมีวาสนา หรือบุญบารมีของพระลักษณ์นั้นก็ไม่ธรรมดาเพราะครั้งที่มีการแข่งขันยกมหาคัน ศรเพื่อเสี่ยงทายว่าผู้ใดที่ยกได้จะได้นางสีดาไปเป็นภรรยา เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามาแข่งขันเพื่อจะยกก็หาใครยกได้ไม่ แม้รวมคนตั้งพันมายกก็ยังยกไม่ขึ้น พอพระลักษณ์มาลองยกก็ยกได้แต่ด้วยรู้ว่าพี่ชายคือพระรามนั้นรักนางสีดาอยู่ ก็เลยขอสละสิทธิ์ให้พระรามมายกปรากฏว่าพระรามก็ยกได้และได้แต่งงานกับนางสี ดา นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พระลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจทั้งยังแสดงให้เห็น ถึงบุญบารมีของพระลักษณ์ว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน
ในเรื่องรามเกียรติ์พระลักษณ์มีอาวุธเป็นพระขรรค์กายสิทธิ์เรื่องการได้ อาวุธคู่บารมีของพระลักษณ์นั้นก็เป็นด้วยบุญของพระลักษณ์เช่นกัน เล่าว่าก่อนหน้านั้นมีอสูรตนหนึ่งภาวนาขอพรจากพระเป็นเจ้าเมื่อบำเพ็ญตบะจน แก่กล้าพระเป็นเจ้าก็ประทานพรให้ อสูรขออาวุธวิเศษพระเป็นเจ้าก็บันดาลให้เกิดพระขรรค์แก้วร่วงหล่นลงมาจากบน ฟ้า แต่ด้วยกรรมบังตาอสูรเกิดความไม่พอใจคิดว่าพระเป็นเจ้าหมิ่นเกียรติตนเองจึง เขวี้ยงพระขรรค์ลงมาเช่นนี้ อสูรจึงทิ้งพระขรรค์นั้น ต่อมาพระลักษณ์เดินทางมาถึงพบพระขรรค์วิเศษทิ้งเอาไว้ พระลักษณ์ลองนำมากวัดแกว่งดูปรากฏว่าสะท้านสะเทือนไปทั้งสามโลก อสูรตนดังกล่าวรู้ว่าเป็นฤทธิ์อำนาจจากพระขรรค์ที่ตนบำเพ็ญตละจึงจะมาเอา คืน ต่อสู้ด้วยกับพระลักษณ์ พระลักษณ์จึงได้ใช้พระขรรค์วิเศษฟันตัวอสูรจนขาดเป็นสองท่อน อสูรนั้นก็ถึงแก่ความตาย ตำนานเรื่องพระลักษณ์จากรามเกียรติ์นั้นมีด้วยกันหายตอนแม้ว่าจะไม่มีบทบาท มากเท่าพระรามแต่ก็เป็นบุคคลสำคัญที่ใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี
ที่สำคัญคือด้วยการที่พระลักษณ์ในกายทอง องค์พระลักษณ์จึงเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงมาแต่กำเนิด ทั้งคำว่าลักษณ์ ยังเป็นคำเสียงใกล้เคียงกับคำว่า “รัก” อีกด้วย ดังนั้น นามพระลักษณ์หน้าทองนี้จึงเป็นตัวแทนแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยมได้เป็นอย่างดีที่สุด และในสายวิชาทางไสยศาสตร์ที่มักมาจากตำนานทางศาสนาพราหมณ์ ก็ได้นำเอาตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์หลายองค์มาเป็นครูในสายวิชา อย่างพระ รามก็มักเป็นครูในสายวิชาทางการรบทัพจับศึก คงกระพันชาตรี ส่วนพระลักษณ์ผู้น้องที่มีร่างเป็นทองคำนั้นก็เป็นครูสายวิชาเสน่ห์เมตตามหา นิยม พระรามและพระลักษณ์จึงเมือนพลังคู่ หยินหยาง พระรามเป็นอำนาจประดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน พระลักษณ์เป็นอำนาจประดุจพระจันทร์เต็มดวงยามเที่ยงคืน ที่เยือกเย็นเป็นเสน่ห์อันสุดประมาณมิได้ ด้วยเหตุนี้กำเนิดแห่งวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงบังเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่ง พระลักษณ์บุคคลสำคัญผู้หนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ลูกสะกด เครื่องรางหายาก ดีทางมหาอุตม์ คงกระพัน




เครื่องรางของขลังที่มีการสร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณนั้น นับว่ามีหลายประเภทด้วยกัน ที่ทำให้เกิดอานุภาพเข้มขลังในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในสมัยก่อนที่เน้นปลุกเสกเครื่องรางให้มีอานุภาพด้านมหาอุตม์ คงกระพัน เช่น ลูกสะกด เป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่ได้รับความนิยม โดยมีลักษณะกลมเกลี้ยงขนาดเท่ากับลูกอมหรือบางชนิดก็ใหญ่กว่า ทำมาจากวัสดุต่างๆ เช่น ตะกั่ว ผสมโลหะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เมฆพัตร เมฆสิทธิ์ เป็นต้น พระเกจิอาจารย์บางท่านก็สร้างลูกสะกดมาจากแร่บางไผ่ ซึ่งเป็นวัตถุอาถรรพ์ทางธรรมชาติที่มีฤทธิ์ในตัวเอง หรือ อาจจะนำวัสดุมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระมาหลอมเข้าด้วยกัน เพราะถือได้ว่ามวลสารเหล่านี้ได้ถูกปลุกเสกไว้ดีแล้ว 

ลูกสะกดคุ้มกันภัย พระเจ้า ๕ พระองค์ (ดีครอบจักรวาล) หลวงพ่อจืด

จากนั้นจึงทำการจารอักขระเลขยันต์ลงไปตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมา ทว่าการจะนำวัสดุประเภทใดมาสร้างเป็นลูกสะกด ก็สุดแล้วแต่ครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆจะดัดแปลงหรือพลิกแพลงตามความรู้ของท่าน สำหรับบางท่านก็สร้างตามตำราที่ได้เรียนมา แล้วนำลูกสะกดมาปลุกเสกอธิษฐานจิตให้มีฤทธิ์ในด้านต่างๆตามที่ปรารถนา ทำการเจาะรูไว้ตรงกลาง แล้วร้อยเชือกเข้าไป เพื่อให้สะดวกต่อการบูชาติดตัว เช่นผูกไว้ที่ข้อมือ หรือ ใช้คาดเอวก็ได้ หากใครที่ไม่ประสงค์จะทำเป็นลูกสะกดก็อาจไม่ต้องเจาะรูก็ได้ แต่ใช้เป็นเครื่องรางลูกอมเพื่ออมเอาไว้ในปากแทน ก็มีอานุภาพเช่นเดียวกัน 
ส่วนความเชื่อของการใช้ลูกสะกดในสมัยก่อน เชื่อว่าลูกสะกด จะสามารถสะกดผู้อื่นให้เคลิบเคลิ้มเสมือนต้องมนตราได้ แต่โดยมากอานุภาพของลูกสะกดนั้น มุ่งหมายให้ไปในทางมหาอุตม์ คงกระพันชาตรีเป็นสำคัญ เพราะในสมัยก่อน เกิดการศึกสงครามอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ชายชาตรีที่ต้องออกรบมีเครื่องรางไว้ป้องกันตัวเพื่อให้ตนแคล้วคลาดจากคมหอกคมดาบ หรือ หากถูกฟันถูกแทงก็จะฟันแทงไม่เข้า เรียกว่าหนังเหนียวคงกระพัน จึงต้องมีเครื่องรางที่มีอานุภาพในด้านนี้ไว้ติดตัวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด ลูกอม ลูกสะกด หรือเครื่องรางอื่นๆ แต่ลูกสะกดในบางรุ่นก็สุดแล้วแต่ครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆ จะปลุกเสกอธิษฐานจิตให้เป็นไปในทางใด เช่น บางรุ่นปลุกเสกให้มีอานุภาพด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด ป้องกันภัย สะกดสิ่งไม่ดีให้หยุดไม่ให้เข้ามาหาตัวเองก็มี หรือ มีอานุภาพครอบจักรวาลก็ได้เช่นกัน 
ลูกสะกดหนุมาน หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ไตรมาสปี 2544 
สำหรับลูกสะกดที่เลื่องลือกันในด้านอานุภาพนั้นมหาอุตม์ คงกระพัน เช่น ลูกสะกด หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท , ลูกสะกด หลวงปู่เนียมวัดน้อย จ.สุพรรณบุรี , ลูกสะกด หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ และพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ ในยุคปัจจุบันที่สร้างลูกสะกดขึ้นมา และได้รับความนิยมจากสานุศิษย์ เช่น ลูกสะกด หลวงพ่อแถม สีลสังวโร วัดช้างแทงกระจาด อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ลูกสะกดหนุมานชนะศึก หลวงพ่อชื่น วัดตาอี ปี 2544 ลูกสะกดหนุมาน หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ปี 2544  ลูกสะกดคุ้มกันภัย พระเจ้า ๕ พระองค์ (ดีครอบจักรวาล) หลวงพ่อจืด เป็นต้น 
ปัจจุบันเรียกได้ว่าการสร้างลูกสะกดเช่นในสมัยโบราณ หาได้ยากขึ้นทุกวันแล้ว ผู้ที่นิยมสะสมเครื่องรางจึงเสาะแสวงหามาไว้บูชากันมาก เพราะด้วยศรัทธาในบารมีของครูบาอาจารย์ผู้สร้างผู้ปลุกเสก อันจะทำให้อานุภาพของลูกสะกดที่บูชาเกิดอานุภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ 
ข้อมูลโดย 
https://horoscope.thaiza.com/content/338404/